ที่มา: Linkedin
ช่วงนี้กระแส Cryptocurrency หรือสกุลเงินดิจิตอลนี่มาแรงมาก เห็นคนพูดถึงกันเยอะมากทั้งผู้เล่นเดิมและผู้เล่นใหม่ ล่าสุดเห็นข่าวคนไทยแห่กันไป Commart แย่งกันซื้อการ์ดจอ (Graphics Processing Unit, GPU) เพื่อไปขุดเหมือง Bitcoin กันอย่างล้นหลาม
การที่คนกลุ่มใหญ่วิ่งเข้าหาใส่ใดสิ่งนึงเพื่อหวังจะเก็งกำไร แสดงว่าผลตอบแทนของมันคงจะเย้ายวนใจไม่ใช่น้อย วันนี้เลยลองเอาข้อมูลผลตอบแทนของสกุลเงินชื่อดังอย่าง BTCUSD (มูลค่า Bitcoin ต่อ 1 เหรียญสหรัฐฯ จากตลาด Bitfinex เส้นสีน้ำเงิน) ซึ่งปัจจุบันเทรดที่ระดับ $2,700 มาเปรียบเทียบให้ดูกันกับผลตอบแทนจากหุ้นของบริษัทผู้ผลิตรายใหญ่ 2 เจ้าผู้ครองส่วนแบ่งการตลาด GPU สำหรับ Desktop PC รวมกัน มากกว่า 99% ของตลาด นั่นคือ NVIDIA (ค่ายสีเขียว เส้นสีเขียว) กับ AMD (ค่ายสีแดง เส้นสีแดง) ที่พวกเราคุ้นชินกันนั่นเอง
จากรูปที่ 2 ด้วยอัตราผลตอบแทน 1 ปีย้อนหลังไปจากวันนี้ BTCUSD ให้อัตราผลตอบแทนตลอดช่วงระยะเวลาถือครอง (HPR) กว่า 340% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนตลอดช่วงระยะเวลาถือครองของราคาหุ้นค่ายสีเขียวอยู่ที่ราว ๆ 240% และค่ายสีแดงที่ราว ๆ 190% ซึ่งจากข้อมูลตรงนี้อาจจะกำลังบอกเราว่า ไม่ว่าคุณจะอยู่ในส่วนไหนของ Supply chain ของ Cryptocurrency (จะเป็นต้นน้ำ เป็นผู้ขุด เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ขุด หรือผู้ใช้อรรถประโยชน์ รวมไปถึงนักเก็งกำไร) ล้วนแล้วแต่มีโอกาสแสวงหาผลประโยชน์มูลค่ามากมายมหาศาลจากกระแสหลักของโลกได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง (อ่านดี ๆ อย่าเข้าใจผิดนะครับ ไม่ได้บอกว่าจะกำไรตลอดนะ กำไรมันขึ้นอยู่กับว่าไปเข้าหรือออกเอาตอนไหน แค่บอกว่าโอกาสมีอยู่มากมายในตลาด จะเข้าตอนนี้นี่คิดดี ๆ นะ ตกรถไปถึงไหนแล้ว หรืออาจจะดอยไม่รู้ตัวก็เป็นได้)
ซึ่งถ้าดูตั้งแต่ช่วงที่ราคา BTCUSD มันชนะราคาทองคำมาตอนปลาย ๆ เดือนเมษายนที่ผ่านมา (เทียบจาก XAUUSD แถว ๆ ระดับ $1270 แถว เส้นแนวตั้งเส้นแรกในรูปที่ 1) ราคา BTCUSD มันก็ยังพุ่งทะยานเป็นขาขึ้นอย่างไม่เหนื่อยไม่เมื่อยไม่ล้าเลยจนถึงทุกวันนี้
ยิ่งถ้าพิจารณาในช่วงที่กระแสร้อนแรงมาก ๆ จากในรูปที่ 3 โดยขยายเข้าไปดูตั้งแต่ช่วงที่ราคาหุ้นของ NVIDIA กับ AMD ขยับแรง ๆ (จากเส้นที่สองในรูปที่ 2 ช่วงนั้น BTCUSD ทะลุ $1,600 พอดี) ผลตอบแทนตลอดช่วงระยะเวลาถือครองตั้งแต่ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมจนถึงปัจจุบันนี้ ค่ายสีเขียวพุ่งไป 54% และค่ายสีแดงทำได้ 43% ซึ่งก็ใกล้เคียงกับ BTCUSD ที่ 56% เอามาก ๆ ซึ่งอาจจะมาจากกระแสเงินลงทุนในหุ้นที่คาดการณ์ว่าบริษัทคงจะมียอดขายและกำไรจาก GPU อย่างถล่มทลายแน่ ๆ ประกอบกับจริตของนักเก็งกำไรบางกลุ่มที่อาจจะอยากได้ความแน่นอนมากกว่า (Bitcoin มูลค่าเพิ่มเยอะแต่ต้องไปรอขุดอีก แต่เห็นแล้วว่า GPU ขายได้นี่ได้เงินเลย)
นอกจากนี้ BTCUSD เองนั้นก็ยังไม่ใช่สกุลเงินดิจิตอลเดียวที่เทรดกันทั่วโลกในขณะนี้ ยังมีอีกหลายสกุลเงินที่ใช้และเทรดกันอย่างแพร่หลายแต่คนไทยยังรู้จักกันน้อย ตัวอย่างเช่น Ethereum ซึ่งเป็น Cryptocurrency ที่มี Market Cap. สูงเป็นอันดับสองรองจาก Bitcoin โดยในรูปที่ 4 จะเห็นได้ว่า ETHUSD (มูลค่า Ethereum ต่อ 1 เหรียญสหรัฐฯ จากตลาด Bitfinex เส้นสีเหลือง) ที่ปัจจุบันเทรดที่ระดับ $320-330 อัตราผลตอบแทนตลอดช่วงระยะเวลาถือครอง 1 ปีที่ผ่านมานั้นขี่พายุทะลุฟ้าพุ่งไปไกลถึงราว 2,100% (มาพุ่งแรง ๆ หลังช่วงต้นเดือนพฤษภาคมนี้เหมือนกัน) จะเห็นได้ว่ากระแสการเข้าสู่ตลาดสกุลเงินดิจิตอลนี้ไม่ได้มาเล่น ๆ คนจำนวนมากพุ่งเป้าความสนใจมาที่จุด ๆ นี้ในเวลานี้ ทำเอาความผันผวนยิ่งมากขึ้นตามไปอีกจากสภาพคล่องของตลาดที่สูงขึ้น (และใครที่พอมีประสบการณ์เคยเห็นอารมณ์ตลาดและเหตุการณ์ประมาณนี้ในตลาดอื่น ๆ มาแล้วจะเข้าใจสถานการณ์และระมัดระวังตัวกันมากขึ้นอยู่แล้วใช่ไหมครับ อิอิ)
เห็นอัตราผลตอบแทนเยอะแยะมากมายขนาดนี้ หากคุณเพียงแค่ได้ยินคนพูดถึงตัวเลข สนใจแต่ด้านบวก ไม่ได้ดูด้านลบ ไม่ได้ศึกษาถึงรายละเอียดของกลุ่มสินทรัพย์ ก็ต้องระมัดระวังให้มากกันหน่อยนะครับ (นี่ยังไม่รวมพวกแก๊งค์ต้มตุ๋นแชร์ลูกโซ่ที่คอยเอากระแสเหล่านี้มาพูดบังหน้าการันตีผลตอบแทนด้วยนะ แย่จริง ๆ) เพราะความเสี่ยงในสินทรัพย์ที่ถึงครองโดยเฉพาะตระกูล Cryptocurrency เนี่ย มันก็คือค่าเงินสกุลหนึ่งที่ไม่ได้มีอะไรมาหนุนหลัง ไม่มีธุรกิจหรือกิจการที่สามารถสร้างผลกำไรได้ เป็นเพียงสกุลเงินดิจิตอลที่สามารถเอามาใช้แลกเปลี่ยนได้ แถมซื้อขายกันในโลกออนไลน์เท่านั้น ความผันผวนมันจึงยิ่งมากขึ้นไปอีก ขนาดเมื่อวานยังมีการร่วงของราคา Ethereum ลงไปกว่า 99.9% เป็น Flash crash จาก 319 เหรียญไป 10 เซ็นต์ ซึ่งถ้าใครใช้ Leverage หรือ Margin สูง ๆ ก็ยิ่งไปกันใหญ่เลยครับ
จะเข้าไปเล่นอะไร ไปลงทุนอะไร สำคัญที่สุดคือการรู้จักสินทรัพย์ที่เราเข้าไปถือไปลงทุนให้ดีก่อนนะครับ อย่าให้ความโลภบังตา เดี่ยวจะหาว่าผมไม่เตือน ^^
ด้วยความปรารถนาดีจาก #wealthfit
ขอบคุณกราฟข้อมูลจาก tradingview.com
หมายเหตุ 1) เนื้อหาในสรุปข้างต้นนี้ ไม่ใช่บทวิเคราะห์หรือข้อมูลที่ใช้ในการแนะนำการลงทุน ผู้ลงทุนที่ได้อ่านบทความนี้ควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน พร้อมทั้งตัดสินใจด้วยเหตุและผลในการลงทุนหรือวางแผนการลงทุนของท่านอย่างเหมาะสม และไม่รับรองหรือการันตีความถูกต้องในการนำส่วนของข้อคิดเห็นหรือมุมมองของผู้เขียนเองที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงไปประยุกต์ใช้ต่อไป 2) ผู้เขียนไม่รับผิดชอบในความเสียหายใด ๆ อันเกิดขึ้นจากใช้เนื้อหาและข้อมูลในบทความนี้เพื่อตัดสินใจลงทุนโดยตรง โดยไม่ได้พิจารณาถึงผลตอบแทนและความเสี่ยงที่รับได้ของตัวนักลงทุนเอง ทั้งนี้ ผู้เขียนก็ไม่เรียกร้องสิทธิใด ๆ ในผลกำไรอันเกิดขึ้นจากใช้เนื้อหาและข้อมูลในบทความนี้ด้วยเช่นกัน